วันศุกร์ที่ 1 กันยายน พ.ศ. 2560

การปลูกสมุนไพรแปะก๊วย

แปะก๊วย ประโยชน์สรรพคุณ และงานวิจัยข้อดีข้อเสีย

ชื่อสมุนไพร แปะก๊วย
ชื่ออื่นๆ หยาเจียว (จีน) อิโจว(ญี่ปุ่น)
ชื่อทางวิทยาศาสตร์ Gingko biloba L.
ชื่อวงศ์ Ginkgoaceae

ถิ่นกำเนิดแปะก๊วย

แปะก๊วยมีบ้านเกิดอยู่แถบตะวันออกเฉียงใต้ของจีน เช้าใจกันว่าเป็นพืชที่ดั้งเดิมที่สุดในโลกประเภทหนึ่ง ที่คงเหลือในประเทศจีน ซึ่งเป็นพืชที่หายากรวมทั้งใกล้จะสิ้นซาก โดยพบอยู่ในธรรมชาติไม่กี่ต้น ถัดมามีการนำต้นแปะก๊วยไปปลูกภายในญี่ปุ่นและเกาหลี แล้วก็ในราวศตวรรษที่ 18 ได้มีการปลูกเอาไว้ในทวีปยุโรป เดี๋ยวนี้ต้นแปะก๊วยเป็นไม้ให้ความร่มเงาตามแถวถนนแล้วก็สวนสาธารณะทั่วๆไปทั่งในยุโรป ประเทศออสเตรเลีย และก็อเมริกาลักษณะทั่วไป ต้นแปะก๊วยเป็นไม้ยื่นต้นขนาดใหญ่บางทีอาจสูงได้ถึง 35 – 40 เมตร ต้นโตเต็มที่มีเส้นรอบวงราว 3 – 4 เมตร แล้วก็บางทีอาจโตได้ถึง 7 เมตร ใบเป็นใบเดียว ลักษณะก็จะคล้ายพัด กว้าง 5 – 10 เซนติเมตร ก้านใบยาว ใบแก่มีรอยหยักเว้าตรงกลาง ใบออกเวียนสลับกัน หรือออกเป็นกลุ่มตามปลายกิ่ง เส้นใบขนานกันเป็นจำนวนมาก ใบอ่อนเป็นสีเขียว สามารถเปลี่ยนเป็นสีแก่ได้เมื่อโตเต็มกำลัง และก็เป็นสีเหลืองในช่วงฤดูใบไม้ตก ต้นแปะก๊วยจะมีต้นตัวผู้ และต้นตัวเมีย ซึ่งลักษณะไม่เหมือนกัน

การขยายพันธุ์แปะก๊วย

ปัจจุบันขยายพันธุ์โดยแนวทางการ เพาะเม็ด , ปักชำ , ทาบกิ่ง โดยขั้นตอนการเพาะเมล็ด มีดังนี้

  • ล้างเม็ดแปะก๊วยในน้ำอุ่นให้สะอาดเพื่อไม่ให้กำเนิดเชื้อรา
  • หมกเม็ดที่ล้างแล้ว ในขุยมะพร้าวหรือเถ้าถ่านแกลบในถุงซิบล็อก ปิดถุงให้สนิท แล้วค่อยนำไปเก็บเอาไว้ในตู้เย็น (ช่องเก็บผัก) ราวๆ 12 อาทิตย์ ระยะนี้ให้คอยหมั่นตรวจทานว่ามีต้นอ่อนเริ่มแตกออกมาหรือยัง ถ้าเกิดมีเมล็ดไหน 

แตกหน่อก่อน 12 อาทิตย์ ก็แยกออกมาเพาะก่อน

  • ให้นำเม็ดที่แตกหน่อก่อนมาเพาะในถุงชำ ใช้ดินถุงที่ขายธรรมดา ฝังเมล็ดแปะก๊วยลงไปราว 2 นิ้ว วางถุงเพาะชำให้โดนแดดอ่อนๆให้ดินที่

เพาะเมล็ดชื้ออยู่ตลอดเวลาแต่ว่าอย่าให้แฉะ ต่อจากนั้นก็รอให้ต้นเขาโตขึ้นมาก่อนที่จะนำไปปลูกลงดิน

  • สำหรับเมล็ดที่ไม่แตกหน่อยังไม่ครบกำหนด เจอครบ 12 อาทิตย์ในตู้เย็นก็ออกมาเพาะต่อตามข้อ 3

องค์ประกอบทางเคมีของแปะก๊วย

ใบแปะก๊วย มีสารประกอบทางเคมีมากไม่น้อยเลยทีเดียว แต่ว่าที่สำคัญมีอยู่ 2 กลุ่มหมายถึงเทอร์ปีนอย์ (terpenoids) มีสารประกอบที่สำคัญชื่อ กิงโกไลด์ (ginkgolide) และมีบิโลบาไลด์ (bilobalide) แล้วก็อีกกรุ๊ปเป็น ฟลา-โม้นอยด์ (flavonoids) นอกจากนั้นยังเจอในพวกสารสตีรอยด์ (steroide) อนุพันธ์กรดอินทรีย์รวมทั้งน้ำตาล

สรรพคุณแปะก๊วย

ฤทธิ์ต่อต้านอนุมูลอิสระ มีคุณลักษณะช่วยคุ้มครองโรคมะเร็ง รวมทั้งยังสามารถชะลอความแก่ได้ ฤทธิ์การหยุดยั้งการยึดตัวของ เกล็ดเลือดทำให้การไหลเวียนของโลหิตในเส้นโลหิตแดง หลอดเลือดดำ รวมทั้งหลอดเลือดฝอยดียิ่งขึ้น ฤทธิ์เพิ่มการไหลเวียนของเลือดไปยังสมอง ทำให้ความสามารถสำหรับเพื่อการดำเนินงานและก็การตัดสินใจดียิ่งขึ้น ฤทธิ์กระตุ้นระบบไหลเวียนของเลือด ทำให้เลือดไหลฉีดไปตามผิวหนังก้าวหน้า ฤทธิ์เพิ่มความรู้ความเข้าใจสำหรับในการศึกษา ฤทธิ์ยับยั้งการเกิดไลปิดเพอคอยกไซด์ ฤทธิ์ช่วยทำให้ความจำดีขึ้น ฤทธิ์ทำให้เส้นเลือดหดตัว ฤทธิ์เพิ่มการมองมองเห็น และฤทธิ์ยั้งการเสื่อมของสมอง สร้างเสริมสมรรถนะทางเพศ จะช่วยทำให้ระบบไหลเวียนเลือดภายในร่างกายดีขึ้น จัดการกับปัญหาเลือดไปไหลเวียนในรอบๆอวัยวะเพศไม่สะดวก ทุเลาของกินของโรคพาร์กินสัน สารสกัดจากแปะก๊วยจำหัวเข่าไปช่วยเพิ่มระบบไหลเวียนเลือดในสมอง ทำให้ร่างกายสามารถผลิตฮอร์โมนโดปามีนได้มากขึ้น และก็นำส่งไปยังอวัยวะต่างๆในร่างกายได้อย่างเพียงพอ

ต้นแบบรวมทั้งขนาดการใช้

  • สารสกัดแปะก๊วยแห้ง –ใช้ 120 – 240 มิลลิกรัม แบ่งให้วันละ 2 – 3 ครั้ง สำหรับอาการ dementin โดยให้ยาต่อเนื่องกัน 8 สัปดาห์ แต่ว่าไม่เกิน 3 เดือน
  • สารสกัดแปะก๊วยแห้ง – ใช้ 120 – 160 มก. แบ่งให้วันละ 2 – 3 ครั้ง สำหรับรักษาอาการเส้นเลือดแดงส่วนปลายประสาทอุดตัน รวมทั้ง ความงุนงง มีเสียงในหู โดยให้ยาติดต่อกัน 6 – 8 อาทิตย์
  • สำหรับในการใช้เป็นผลิตภัณฑ์อาหารเสริม ให้ใช้รับประทานไม่เกินวันละ 120 มิลลิกรัม

การศึกษาทางเภสัชวิทยาของแปะก๊วย

มีการทดสอบแปะก๊วยกับผู้ป่วยที่มีอาการผิดพลาดเรื้อรังของสมองส่วนซีรีบรัม และหลอดเลือดพบว่า ในแปะก๊วยช่วยให้มีการพัฒนาการทางความจำความนึกคิด นอนหลับได้ง่ายขึ้น ส่วนคนป่วยโรคอัลไซเมอร์นั้น ในสหรัฐอเมริกา ใบแปะก๊วยก็ถูกให้อย่างกว้างขวางเพื่อเป็นยารักษาอาการดังที่ได้กล่าวมาแล้วข้างต้น โดยมีการทดสอบในปี 1994 ทดลองให้ใบแปะก๊วยกับกรุ๊ปผู้เจ็บป่วยอัลไซเมอร์ พบว่าคนป่วยมีความจำ แล้วก็สมาธิก้าวหน้าขึ้น

ในปี 1996 ได้มีการทดสอบพบว่าใบแปะก๊วยมีคุณภาพช่วยป้องกันผู้ที่มีอาการ AMS (Asthma & AcutE Mountain Sickness) หรือภาวการณ์ไม่ดีเหมือนปรกติของการหายใจขณะขึ้นสู่ที่สูงได้ ส่วนคนภายในกลุ่มชนที่พบเจอปัญหาหูอื้ออยู่เป็นประจำ การทานอาหารใบแปะก๊วยยังช่วยลดสภาวะหูอื้อลงได้อีกด้วย

การศึกษาทางพิษวิทยาของแปะก๊วย

การทดสอบความเป็นพิษทันควันของแปะก๊วยในหนู พบว่าให้ค่า LD50 พอๆกับ 7725 มก./กิโลกรัมน้ำหนักตัว ไม่เจอผลที่ทำให้เกิดการก่อกลายพันธุ์ (mutagen) หรือนำมาซึ่งการก่อให้เกิดโรคมะเร็ง (carcinogen) และไม่เป็นพิษต่อ ระบบอวัยวะสืบพันธุ์

ข้อแนะนำ/ข้อควรระวัง

  • สาร Gingkolide จากใบแปะก๊วยมีฤทธิ์ยีนส์การเกาะดึงของเกล็ดเลือด หากรับประทานยาแอสไพรินอยู่ประจำ หรือ รับประทานยา Gingkolide อยู่อาจมีผลข้างเคียงของการที่เลือดไหลไม่หยุด
  • ถ้ากินสารสกัดจากในแปะก๊วยในปริมาณมาก อาจจะส่งผลให้เกิดของกินอ้วก คลื่นไส้ ท้องเสีย และมีของกินร้อนใจ
  • สำหรับหญิงมีครรภ์และให้นมลูก ยังไม่มีงานศึกษาเรียนรู้และค้นคว้าและทำการวิจัยตีพิมพ์ถึงความปลอดภัย หรือผลที่จะกำเนิดกับเด็กแบเบาะ

ทั้งถ้าหากรับประทานสารสกัดแปะก๊วยมากเกินความจำเป็นอาจมีผลข้างเคียงทำให้ปวดศีรษะ งุนงง เวียนศีรษะ ทางเดินอาหารป่วนปั่น หรืออาจเกิดอาการแพ้ทางผิวหนัง ระบบหายใจรวมทั้งเส้นเลือดผิดปกติ ง่วงซึม ระบบการนอนก็ป่วนปั่นไปด้วย

คำค้นหาที่เกี่ยวข้อง : สรรพคุณเเปะก๊วย

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น