คนทีสอ สรรพคุณและงานวิจัย
ชื่อสมุนไพร คนทีสอ
ชื่ออื่นๆ คนทีสอขาว (ชลบุรี) , โคนดินสอ (ภาคกลาง) , ดินสอ (ภาคกลาง) , สีสอ (ประจวบคีรีขันธ์) , มูดเพิ่ง (ตาก) , ผีเสื้อน้อย (ภาคเหนือ) , สีเสื้อน้อย ,ดอกสมุทร (เชียงใหม่) ,ทีสอ , เทียนขาว (เพชรบุรี) ,คนตีสอ (สตูล)
ชื่อวิทยาศาสตร์ Vitex trifolia Linn.
ชื่อสามัญ Indian Privet. Indian Wild Pepper, Milla.
วงศ์ Verbenaceae
ถิ่นกำเนิด
คนทีสอเป็นพืชที่มีการกระจายอยู่ทั้งในเขตร้อนและกึ่งร้อน(อบอุ่น) คือ พบได้ตั้งแต่อัฟริกาตะวันออกมาจนถึงเอเชียและกระจายไปถึงตอนเหนือของออสเตรเลียและหมู่เกาะในแปซิฟิก เกิดตามป่าดงดิบเขา ป่าเบญจพรรณ ในไทยพบตามป่าเขา และป่าเบญจพรรณ พบได้ทุกภาคของประเทศลักษณะทั่วไปคนทีสอ
ลำต้นคนทีสอ เป็นไม้พุ่มไม่พลัดใบขนาดกลาง ลำต้นสูงประมาณ 3-6 เมตร ลำต้นแตกกิ่งสาขามาก และดูเป็นพุ่มหนา กว้าง 2 – 3 เมตร เปลือกลำต้นมีสีเทาอมดำ และแตกเป็นร่องตื้นตามแนวตั้งตามความสูงของลำต้นคนทีสอ เปลือกลำต้นด้านในมีสีเหลือง แก่นไม้มีความแข็งปานกลางใบคนทีสอ เป็นพืชใบเลี้ยงคู่ มีใบเป็นใบประกอบ ออกตรงข้ามกันเป็นคู่ๆตามปลายกิ่ง มีก้านใบหลักยาวประมาณ 2-3 เซนติเมตร ปลายก้านใบแตกใบย่อย จำนวน 3 ใบ ใบย่อยตรงกลางมีรูปหอกยาว ยาวประมาณ 6-10 เซนติเมตร และอีก 2 ใบ ด้านข้าง มีรูปหอกสั้น ยาวประมาณ 4-6 เซนติเมตร ใบตรงกลางยาวมากกว่า 2 ใบด้านข้าง ทำให้แลดูคล้ายนิ้วมือ ใบย่อยแต่ละใบ มีก้านใบสั้นติดปลายก้านใบหลัก แผ่นใบกว้าง 2.5-3 เซนติเมตร มีโคนใบสอบแคบ ปลายใบแหลม แผ่นใบ และขอบใบเรียบ มีสีเขียวสด ท้องใบด้านล่างมีนวลขาว และมีขน
ดอกคนทีสอ ออกดอกเป็นช่อแขนง มีก้านช่อหลักยาวประมาณ 10-15 เซนติเมตร ช่อแขนงมีดอกย่อย 2-5 ดอก ดอกย่อยขณะตูมมีลักษณะทรงกระบอก มีกลีบเลี้ยงเป็นหลอดสีเขียว ปลายกลีบแยกเป็น 5 แฉก ส่วนปลายกลีบดอกมีสีม่วงอมขาวห่อรวมกัน เมื่อดอกบานจะแผ่กลีบดอกออก ขนาดดอกเมื่อบานประมาณ 2-3 เซนติเมตร ประกอบด้วยกลีบดอก จำนวน 5 กลีบ แบ่งเป็นกลีบล่างขนาดเล็ก 2 กลีบ และกลีบบน 3 กลีบ ขนาดใหญ่กว่า กลีบดอกมีโคนกลีบเชื่อติดกันเป็นกรวย ปลายกลีบแผ่ แผ่นกลีบมีสีม่วงอ่อน ถัดมาตรงกลางมีเกสรตัวผู้ 4 อัน ตรงกลางเป็นเกสรตัวเมีย ปลายเกสรแยกเป็น 2 แฉก และมีรังไข่เป็นฐานอยู่ด้านล่าง
ผลคนทีสอ คนทีสอมีลักษณะกลม ขนาดเล็ก 3-6 มิลลิเมตร ประมาณเท่าผลพริกไทย ผิวผลเรียบ ผลดิบมีสีเขียว และเป็นมัน ผลสุกมีสีดำ เปลือกผลคนทีสอค่อนข้างบาง ภายในมีเมล็ดทรงกลม 1 เมล็ด เปลือกเมล็ดผลแก่มีสีน้ำตาล เมื่อผลสุกเปลี่ยนเป็นสีดำ
การขยายพันธุ์คนทีสอ
คนทีสอขยายพันธุ์ได้โดยการใช้เมล็ด สามารถปลูกคนทีสอได้ในดินทั่วไป และปลูกได้ทั่วทุกภาคในประเทศไทย โดยปกติคนทีสอเป็นพืชพรรณในป่าเขา มีความทนทานต่อความแห้งแล้งสูง ปัจจุบันมีการเพาะเมล็ดให้เป็นต้นกล้าไว้จำหน่ายเพื่อให้ผู้สนใจไปปลูกแล้วองค์ประกอบทางเคมีคนทีสอ
ใบมีน้ำมันหอมระเหย เป็นของเหลวใส สีเหลือง มีกลิ่นเฉพาะตัว ประกอบด้วย beta-caryophyllene, alpha terpinene l-d-pinene, camphene, terpinyl acetate, diterpene alcohol และพวกชัน เมล็ดมีสารพวก acetic acid, malic acid, acid resin และนํ้ามันหอมระเหย ประกอบด้วย 55% camphene 20%, limonene และ pinene
Camphene
beta-caryophyllene
Malic acid
สรรพคุณคนทีสอ
คนทีสอมีสรรพคุณทางยาหลายอย่าง ทุกส่วนของลำต้นสามารถนำมาใช้เป็นยาสมุนไพรได้หมด ไม่ว่าจะเป็นใบ ดอก ผล เมล็ด ราก ลำต้น กระพี้ รวมไปถึงเปลือกไม้ด้วย และคนทีสอยังเป็นสมุนไพรสำหรับผู้หญิงอีกด้วย เพราะมีสรรพคุณช่วยทำให้เลือดลมเป็นปกติ แก้ปัญหาประจำเดือน สภาวะก่อนและหลังมีประจำเดือน แม้กระทั่งหลังคลอดบุตร สมุนไพรคนทีสอก็เป็นตัวช่วยขับเลือดเสีย ทำให้สดชื่น มีกำลัง และยังช่วยขับน้ำนมและบำรุงน้ำนมได้อีกด้วยตำรายาไทย ใบคนทีสอ รสร้อนสุขุมหอม บำรุงน้ำดี ขับเสมหะ บำรุงธาตุ รักษาโรคตับ ขับลม แก้ไอ แก้หืด ฆ่าพยาธิ แก้ริดสีดวงจมูก แก้ลำไส้พิการ ขับเหงื่อ แช่น้ำอาบแก้โรคผิวหนัง ผื่นคัน รักษาอาการสาบคายในกาย แก้พิษฝีใหญ่ แก้พิษสำแลง และพิษต่างๆ ผสมกับเทียน ขมิ้น พริกไทย รับประทานแก้วัณโรค รักษาโรคเกี่ยวกับลำไส้ แช่น้ำอาบแก้ผื่นคันโรคผิวหนัง โรคปวดข้อ ปวดกล้ามเนื้อ และเป็นยาไล่แมลง ดอก รสหอมฝาด แก้ไข้ แก้หืดไอ ฆ่าพยาธิ บำรุงครรภ์มารดา บำรุงน้ำนม ผล รสร้อนสุขุม แก้คลื่นเหียนอาเจียน แก้ลม ฆ่าพยาธิ แก้หืดไอ แก้ไข้ แก้ริดสีดวงจมูก แก้ปวดตามเนื้อตามข้อ แก้ท้องมาน ขับเหงื่อ เมล็ด รสร้อนสุขุม ระงับปวด เจริญอาหาร ราก รสร้อนสุขุม แก้ไข้ แก้โรคตับ โรคตา ถ่ายน้ำเหลือง ขับเหงื่อ ขับปัสสาวะ รากและใบ ต้มกินแก้ไข้ ให้หญิงหลังคลอดบุตรใหม่ๆรับประทานเป็นยาขับปัสสาวะและขับเหงื่อ ต้นคนทีสอ ขับลมในลำไส้ แก้จุกเสียดท้องอืด กระพี้ รักษาอาการคลื่นเหียนอาเจียน รักษาระดูสตรี เปลือก ใช้รักษาอาการไข้ซึ่งมีอาการกระทำให้เย็น รักษาอาการคลื่นเหียน รักษาหญิงระดูพิการ
ในต่างประเทศมีการนำคนทีสอมาใช้เป็นยาขับเหงื่อและปัสสาวะ ลดไข้ ส่วนของใบใช้เป็นยาลดความเจ็บปวด ใช้เป็นยาขับระดู ให้กินหลังการคลอดบุตรเพื่อป้องกันการจับไข้ ในบางประเทศใช้ใบบดกับกระเทียม พริกไทย ขมิ้นและข้าวสุกทำเป็นเม็ดกินแก้วัณโรค น้ำคั้นจากใบสดดื่มแก้ปวดหัว ใบนำไปหมักเอาน้ำดื่มแก้เหน็บชา ใบนำไปตำพอกแก้เคล็ดขัดยอก รอยฟกช้ำ ไขข้ออักเสบและอัณฑะบวม ในส่วนของผลใช้บำรุงสมองและขับระดู โดยทำให้เป็นผง ใช้ผสมน้ำตาลป้ายลิ้น ผลแห้งนำมาต้มดื่มแก้หวัดธรรมดา ปวดหัว ตาแฉะและการอักเสบของหัวนมและเต้านม ส่วนของเปลือกด้านในเคี้ยวกินแก้ท้องเดิน ในประเทศอินโดนีเซียใช้ ใบ เป็นยาขับลม และผสมในตำรับยาไล่แมลงด้วย บางทีใช้ใบแห้งทำเป็นยาไล่แมลง หรือสกัดเอานำมันมาผลิตเป็นยากันยุง ประเทศอินโดนีเซียใช้ ใบ เป็นยาขับลม และผสมในตำรับไล่แมลง ในมาเลเซีย ใช้รากหรือใบต้มแก้ไข้ ใบแก้ปวดศีรษะ จีน ใช้เมล็ดระงับปวด ทำให้สงบ ไทย ใช้รากฝนทาแก้พิษแมงกะพรุน ใบเป็นยาขับเสมหะ บำรุงธาตุ ใบต้มน้ำอาบรักษาโรคผิวหนัง ผลแก้หืดไอ และมองคร่อ ด้วย
รูปแบบ/ขนาดวิธีใช้คนทีสอ
แพทย์แผนไทยจะนำใบคนทีสอมาใช้ต้มร่วมกับใบเสนียด ใบเปล้าใหญ่ ใบหนาด เหงือกปลาหมอ ขมิ้นอ้อย ไพล ใบมะกรูด เปลือกมังคุด และใบว่านสาวหลง จากนั้น นำมาผสมกับน้ำสะอาด 10 ขัน แล้วนำไปอาบ จะช่วยให้กล้ามเนื้อคลายตัว ลดอาการปวดเมื่อย และรูขุมขนบริเวณผิวหนังเปิด ทำให้หลอดเลือดไหลเวียนดี หายใจสะดวก ขณะเดียวกัน กลิ่นหอมของสมุนไพรช่วยให้สดชื่น ผ่อนคลายความตึงเครียดด้วยน้ำมันหอมระเหยจากใบ และดอก ใช้ผสมในครีมทาผิวหรือทาร่วมกับครีมทาผิว ช่วยป้องกันยุง
น้ำมันหอมระเหยใช้ทานวดตามข้อ กล้ามเนื้อ แก้อาการปวดเมื่อย แก้อาการเหน็บชา แก้เส้นเอ็นพลิก อัมพฤกษ์ อัมพาต
แก่นนำมาเหลาขนาดเท่านิ้วชี้ ก่อนใช้ถูหรือแปรงฟัน ช่วยระงับอาการปวดฟัน แก้โรคเหงือกอักเสบ รวมถึงใบ และดอก นำมาเคี้ยวทำความสะอาดฟันแทนยาสีฟัน
ใบคนทีสอนำมามัดรวมกัน ใช้สุมบนกองไฟให้เกิดควัน ช่วยไล่ยุงได้ดี
รากคนทีสอ ต้มน้ำดื่มเป็นยาขับปัสสาวะ แก้ไอ และขับเสมหะ(คนเมือง)
ใบคนทีสอใช้ผสมกับขมิ้น พริกไทย เทียน รับประทานรักษาวัณโรค
ช่วยแก้อาการปวดศีรษะ ด้วยการใช้ใบขยี้กับน้ำแล้วนำมาลูบหัว หรือจะใช้ใบนำไปอังกับไฟแล้วชงกับน้ำกินแก้อาการก็ได้เช่นกัน
ช่วยแก้อาการหวัด น้ำมูกไหล ด้วยการใช้เมล็ดหรือใบคนทีสอ ผสมกับกับขิงและน้ำตาลเล็กน้อย ชงกับน้ำร้อนกินแก้อาการ
ใบสดนำมาตำละเอียดใช้พอกบริเวณแผลที่ถูกตะขาบกัดหรือแมลงสัตว์กัดต่อยได้
ช่วยแก้เอ็นตึง เอ็นอักเสบ ด้วยการใช้ใบคนทีสอประมาณ 30-40 ใบ นำมาต้มกับน้ำ 3 แก้ว เคี่ยวจนเหลือ 1 แก้ว นำมาดื่มครั้งละครึ่งแก้ว วันละ 2 เวลา
ก่อนแปรงฟัน หากได้เคี้ยวใบคนทีสอสด ๆ ก็จะช่วยทำให้ฟันแข็งแรงขึ้น และยังระงับกลิ่นปากได้อีกด้วย
คนทีสอคือสมุนไพรที่เป็นตัวยาหลักในตำรับยาต่าง ๆ เช่น ยาประคบ อบ อาบ ย่าง พอก โดยใช้เพื่อรักษาอาการปวดเมื่อยตามตัว เส้นขัด เอ็นขัด เหน็บชา อัมพฤกษ์ อัมพาต แก้ลม กระดูกหัก หกล้ม ตกต้นไม้ อาการเจ็บปวดในเอ็นและผิวหนัง
การศึกษาทางเภสัชวิทยาคนทีสอ
ในทางเภสัชวิทยา พบว่าคนทีสอมีฤทธิ์ยับยั้งการหดเกร็งของกล้ามเนื้อ ขับปัสสาวะ แก้แพ้ ต้านเชื้อแบคทีเรีย ยับยั้งเนื้องอก ฆ่ายุง ฆ่าแมลง ต้านเชื้อ น้ำมันหอมระเหยจาก ใบ เมื่อเตรียมเป็นโลชัน พบว่ามีประสิทธิภาพในการป้องกันการกัดของยุงก้นปล่อง ได้นาน 8 ชั่วโมง ยุงรำคาญ 7 ชั่วโมงครึ่ง ยุงลายสวน 8 ชั่วโมงหนูแรทตัดรังไข่ที่ได้รับสารสกัดจากใบคนทีสอขนาด 1000 มิลลิกรัมต่อกิโลกรัม ทำให้น้ำหนักตัวลดลง โดยเป็นที่ทราบกันดีว่าหนูที่ถูกตัดรังไข่จะทำให้มีการบริโภคอาหารเพิ่มขึ้นอันเป็นผลเนื่องมาจากการขาดแคลนฮอร์โมนเอสโตรเจนจากรังไข่ในการไปควบคุมการบริโภคอาหาร ซึ่งอาจเป็นไปได้ว่าสารสกัดจากใบคนทีสอขนาด 1000 มิลลิกรัม มีการแสดงฤทธิ์การเป็นเอสโตรเจนจึงช่วยควบคุมการบริโภคอาหารของหนูแรทตัดรังไข่ และสารสกัดจากใบคนทีสอขนาด 1000 มิลลิกรัมต่อกิโลกรัม ทำให้น้ำหนักของช่องคลอดเพิ่มขึ้นเล็กน้อย แต่ไม่มีผลต่อการเพิ่มของน้ำหนักมดลูก ซึ่งให้ผลการทดลองที่แตกต่างจากการศึกษาของวิลาวัณย์ พร้อมพรม ที่ได้ศึกษาถึงสารสกัดจากเมล็ดและเปลือกทับทิมในหนูแรทตัดรังไข่พบว่าทำให้มดลูกมีน้ำหนักเพิ่มขึ้น และผลการศึกษาของ ศจีรา คุปพิทยานันท์ ได้ทำการศึกษาผลของสารสกัดจากเอื้องหมายนาต่อระบบสืบพันธุ์ในหนูแรทตัดรังไข่ ที่ป้อนด้วยสารสกัดจากเอื้องหมายนา ในขนาด 500 และ 1000 มิลลิกรัมต่อกิโลกรัมน้ำหนักตัว สามารถเพิ่มน้ำหนักมดลูกได้ทั้งนี้ อาจเป็นไปได้ว่าสารสกัดจากใบคนทีสออาจแสดงฤทธิ์การเป็นเอสโตรเจนอย่างอ่อนถึงไม่ส่งผลต่อน้ำหนักและเนื้อเยื่อมดลูกได้
ทั้งนี้ จากการศึกษาค้นคว้าหาข้อมูล "คนทีสอ" จากต่างประเทศเพิ่มเติม ยังพบว่า เมล็ดของคนทีสอ มีฤทธิ์ในการควบคุมการหลั่งฮอร์โมนของต่อมใต้สมอง ที่ควบคุมการทำงานของฮอร์โมนเพศหญิงด้วย ในต่างประเทศจึงนิยมนำ "คนทีสอ" มาใช้รักษาความผิดปกติในสตรี โดยผลิตเป็นแคปซูล และกล่าวอ้างสรรพคุณว่า "คนทีสอ" สามารถรักษาภาวะเป็นหมันในผู้หญิง (antifertility) ได้ เพราะจะไปช่วยปรับวงรอบการตกไข่ให้เป็นปกติ อีกทั้งยังเป็นยาบำรุงที่จะช่วยให้สตรีดูอ่อนเยาว์กว่าวัยด้วย
การศึกษาทางพิษวิทยาคนทีสอ ไม่มีข้อมูลการศึกษาทางพิษวิทยา
ข้อแนะนำ / ข้อควรระวัง
นอกจากจะเป็นสมุนไพรแล้ว คนทีสอยังเป็นไม้ประดับตัดแต่งทรงพุ่มได้ง่าย สวยงามดี เพราะเป็นต้นไม้ไม่ใหญ่มากใช้พื้นที่น้อย แต่ควรระวังเวลาตัดแต่งกิ่ง เพราะอาจทำให้มีอาการแพ้ ทำให้เกิดการจาม ไอ ปวดหัว หายใจขัดได้ หากจะตัดกิ่งก้านก็ควรมีผ้าปิดปากจมูกไว้ป้องกันอาการแพ้เอกสารอ้างอิง
1. เต็ม สมิตินันทน์,2544.ซึ่งพรรณไม้แห่งประเทศไทย,ส่วนพฤกษศาสตร์ป่าไม้ สำนักวิชาการป่าไม้กรมป่าไม้,กรุงเทพฯ.
2. คนทีสอ.วิกิพีเดียสารานุกรมเสรี.(ออนไลน์)เข้าถึงได้จาก http://th.wikipedia.org/w/index.php?title=คนทีสอ&oldid=4973372
3. ศาสตราจารย์ พเยาว์ เหมือนวงษ์ญาติ.ข้อมูลของคนทีสอต้น.ไทยเกษตรศาสตร์(ออนไลน์)เข้าถึงได้จาก http://www.thaikasetsart.com
4. คนทีสอ.อุทยานธรรมชาติวิทยาสิรีรุกขชาติ มหาวิทยาลัยมหิดล
5. “คนทีสอ”พืชสมุนไพร.สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ
6. คนทีสอ ฐานข้อมูลสมุนไพร คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยอุบลราชธานี.(ออนไลน์)เข้าถึงได้จาก http://www.phargarden.com/main.php?action=viewpage&pid=27
7. รู้จักกันไหม? คนทีสอและคนทีสอขาว..มูลนิธิสุขภาพไทย.
8. วันประเสริฐ ทุมพะลา ,วรรณชัย ชาแท่น , วิลาวัณย์ พร้อมพรม.ผลชองสารสกัดจากใบคนทีสอ(vitex trifolia L.) ต่อระบบสืบพันธุ์ในหนูแรทตัดรังไข่ Effects of Chaste Tree (Vitex trifolia L.)leaf extract on reproductive sgstem in ovariectomized rats. การประชุมทางวิชาการ”มหาวิทยาลัยมหาสารคามวิจัย ครั้งที่ 11 .หน้า 70 - 75