แปะก๊วย ประโยชน์สรรพคุณ และงานวิจัยข้อดีข้อเสีย
ชื่อสมุนไพร แปะก๊วย
ชื่ออื่นๆ หยาเจียว (จีน) อิโจว(ญี่ปุ่น)
ชื่อทางวิทยาศาสตร์ Gingko biloba L.
ชื่อวงศ์ Ginkgoaceae
ถิ่นกำเนิดแปะก๊วย
แปะก๊วยมีถิ่นกำเนิดอยู่แถบตะวันออกเฉียงใต้ของเมืองจีน เช้าใจกันว่าเป็นพืชที่โบราณที่สุดในโลก ที่เหลืออยู่ในประเทศจีน ซึ่งเป็นพืชที่หายากแล้วก็ใกล้จะสูญพันธุ์ โดยเจออยู่ในธรรมชาติไม่กี่ต้น ถัดมามีการนำต้นแปะก๊วยไปปลูกไว้ในญี่ปุ่นแล้วก็ประเทศเกาหลี รวมทั้งในราวศตวรรษที่ 18 ได้มีการปลูกเอาไว้ในทวีปยุโรป เดี๋ยวนี้ต้นแปะก๊วยเป็นไม้ให้ความร่มเงาตามแถวถนนรวมทั้งสวนสาธารณะทั่วๆไปทั่งในยุโรป ประเทศออสเตรเลีย และก็อเมริกาลักษณะทั่วไป ต้นแปะก๊วยเป็นไม้ยื่นต้นขนาดใหญ่อาจสูงได้ถึง 35 – 40 เมตร ต้นโตสุดกำลังมีเส้นรอบวงราวๆ 3 – 4 เมตร และก็บางทีอาจโตได้ถึง 7 เมตร ใบเป็นใบเดียว ลักษณะซึ่งคล้ายพัด กว้าง 5 – 10 เซนติเมตร ก้านใบยาว ใบแก่มีรอยหยักเว้าตรงกลาง ใบออกเวียนสลับกัน หรือออกเป็นกลุ่มตามปลายกิ่ง เส้นใบขนานกันเยอะแยะ ใบอ่อนเป็นสีเขียว สามารถกลายเป็นสีแก่ได้เมื่อโตสุดกำลัง รวมทั้งเป็นสีเหลืองในฤดูใบไม้ตก ต้นแปะก๊วยจะมีต้นตัวผู้ รวมทั้งต้นตัวเมีย ซึ่งลักษณะต่างกัน
การขยายพันธุ์แปะก๊วย
ปัจจุบันนี้เพาะพันธุ์โดยวิธีการ เพาะเม็ด , ปักชำ , ทาบกิ่ง โดยกรรมวิธีการเพาะเม็ด มีดังนี้
- ล้างเม็ดแปะก๊วยในน้ำอุ่นให้สะอาดเพื่อไม่ให้เกิดเชื้อรา
- หมกเม็ดที่ล้างแล้ว ในขุยมะพร้าวหรือขี้เถ้าแกลบในถุงซิบล็อก ปิดถุงให้สนิท และจากนั้นจึงนำไปเก็บเอาไว้ภายในตู้แช่เย็น (ช่องเก็บผัก) ราว 12 อาทิตย์ ระยะนี้ให้คอยหมั่นตรวจสอบว่ามีต้นอ่อนเริ่มแตกออกมาหรือยัง ถ้าเกิดมีเม็ดไหน
แตกหน่อก่อน 12 อาทิตย์ ก็แยกออกมาเพาะก่อน
- ให้นำเม็ดที่ผลิออกก่อนมาเพาะในถุงชำ ใช้ดินถุงที่ขายทั่วๆไป ฝังเม็ดแปะก๊วยลงไปประมาณ 2 นิ้ว วางถุงเพาะชำให้โดนแดดอ่อนๆให้ดินที่
เพาะเมล็ดชื้ออยู่ตลอดระยะเวลาแต่อย่าให้เฉอะแฉะ ต่อไปก็รอคอยให้ต้นเขาโตขึ้นมาก่อนที่จะนำไปปลูกลงดิน
- สำหรับเม็ดที่ไม่ผลิออกก่อน เจอครบ 12 อาทิตย์ในตู้แช่เย็นก็ออกมาเพาะต่อตามข้อ 3
องค์ประกอบทางเคมีของแปะก๊วย
ใบแปะก๊วย มีสารประกอบทางเคมีจำนวนมาก แม้กระนั้นที่สำคัญมีอยู่ 2 กรุ๊ป คือ เทอร์ปีนป่ายอย์ (terpenoids) มีสารประกอบที่สำคัญชื่อ กิงโกไลด์ (ginkgolide) แล้วก็มีบิโลบาไลด์ (bilobalide) รวมทั้งอีกกรุ๊ปเป็น ฟลา-โอ้อวดนอยด์ (flavonoids) ยิ่งไปกว่านี้ยังพบในพวกสารสตีรอยด์ (steroide) อนุพันธ์กรดอินทรีย์รวมทั้งน้ำตาล
สรรพคุณแปะก๊วย
ฤทธิ์ต้านทานอนุมูลอิสระ มีคุณลักษณะช่วยคุ้มครองโรคมะเร็ง และก็ยังสามารถชะลอความแก่ได้ ฤทธิ์การขัดขวางการยึดตัวของ เกล็ดเลือดทำให้การไหลเวียนของโลหิตในเส้นเลือดแดง หลอดโลหิตดำ และเส้นเลือดฝอยดีขึ้น ฤทธิ์เพิ่มการไหลเวียนของเลือดไปยังสมอง ทำให้ความรู้ความเข้าใจสำหรับเพื่อการปฏิบัติงานและการตัดสินใจดียิ่งขึ้น ฤทธิ์กระตุ้นระบบไหลเวียนของเลือด ทำให้เลือดไหลฉีดไปตามผิวหนังได้ดี ฤทธิ์เพิ่มความสามารถสำหรับการศึกษา ฤทธิ์ยั้งการเกิดไลปิดเพอรอคอยกไซด์ ฤทธิ์ช่วยทำให้ความจำ ฤทธิ์ทำให้เส้นเลือดหดตัว ฤทธิ์เพิ่มการมองมองเห็น แล้วก็ฤทธิ์ยับยั้งการเสื่อมของสมอง สร้างเสริมความสามารถทางเพศ จะช่วยให้ระบบไหลเวียนเลือดภายในร่างกาย แก้ไขเลือดไปไหลเวียนในรอบๆอวัยวะสืบพันธุ์ไม่สะดวก บรรเทาของกินของโรคพาร์กินสัน สารสกัดจากแปะก๊วยจำเข่าไปช่วยเพิ่มระบบไหลเวียนเลือดในสมอง ทำให้ร่างกายสามารถผลิตฮอร์โมนโดปามีนได้มากขึ้น และนำส่งไปยังอวัยวะต่างๆภายในร่างกายได้อย่างพอเพียง
ต้นแบบและขนาดวิธีใช้
- สารสกัดแปะก๊วยแห้ง –ใช้ 120 – 240 มก. แบ่งให้วันละ 2 – 3 ครั้ง สำหรับอาการ dementin โดยให้ยาต่อเนื่องกัน 8 อาทิตย์ แต่ไม่เกิน 3 เดือน
- สารสกัดแปะก๊วยแห้ง – ใช้ 120 – 160 มก. แบ่งให้วันละ 2 – 3 ครั้ง สำหรับรักษาอาการเส้นเลือดแดงส่วนปลายประสาทอุดตัน และก็ ความมึนงง มีเสียงในหู โดยให้ยาติดต่อกัน 6 – 8 สัปดาห์
- สำหรับในการใช้เป็นผลิตภัณฑ์อาหารเสริม ให้ใช้กินไม่เกินวันละ 120 มก.
การศึกษาทางเภสัชวิทยาของแปะก๊วย
มีการทดสอบแปะก๊วยกับคนเจ็บที่มีลักษณะอาการผิดพลาดเรื้อรังของสมองส่วนซีรีบรัม แล้วก็เส้นโลหิตพบว่า ในแปะก๊วยช่วยทำให้มีการวิวัฒนาการทางความจำความนึกคิด นอนหลับได้ง่ายมากยิ่งขึ้น ส่วนคนไข้โรคอัลไซเมอร์นั้น ในอเมริกา ใบแปะก๊วยก็ถูกให้อย่างมากมายเพื่อเป็นยารักษาอาการดังกล่าวข้างต้น โดยมีการทดสอบในปี 1994 ทดสอบให้ใบแปะก๊วยกับกลุ่มผู้ป่วยอัลไซเมอร์ พบว่าผู้เจ็บป่วยมีความจำ และก็สมาธิได้ดีขึ้น
ในปี 1996 ได้มีการทดสอบพบว่าใบแปะก๊วยมีคุณภาพช่วยคุ้มครองปกป้องผู้ที่มีลักษณะอาการ AMS (Asthma & AcutE Mountain Sickness) หรือภาวการณ์ไม่ปรกติของการหายใจขณะขึ้นสู่ที่สูงได้ ส่วนคนในกลุ่มชนที่เจอปัญหาหูอื้ออยู่เป็นประจำ การกินอาหารใบแปะก๊วยยังช่วยลดภาวะหูอื้อลงได้อีกด้วย
การศึกษาทางพิษวิทยาของแปะก๊วย
การทดลองความเป็นพิษเฉียบพลันของแปะก๊วยในหนู พบว่าให้ค่า LD50 พอๆกับ 7725 มก./โลน้ำหนักตัว ไม่พบผลที่นำมาซึ่งการก่อกลายชนิด (mutagen) หรือส่งผลให้เกิดโรคมะเร็ง (carcinogen) และไม่เป็นพิษต่อ ระบบอวัยวะสืบพันธุ์
ข้อแนะนำ/ข้อควรระวัง
- สาร Gingkolide จากใบแปะก๊วยมีฤทธิ์ยีนส์การยึดดึงของเกล็ดเลือด ถ้าเกิดกินยาแอสไพรินอยู่ประจำ หรือ รับประทานยา Gingkolide อยู่อาจมีผลกระทบของการที่เลือดไหลไม่หยุด
- หากรับประทานสารสกัดจากในแปะก๊วยในปริมาณมาก อาจจะเป็นผลให้กำเนิดของกินคลื่นไส้ อ้วก ท้องเดิน รวมทั้งมีของกินกระวนกระวายใจ
- สำหรับหญิงมีท้องและก็ให้นมบุตร ยังไม่มีงานศึกษาวิจัยพิมพ์ถึงความปลอดภัย หรือผลที่จะกำเนิดกับเด็กแรกคลอด
ทั้งยังแม้กินสารสกัดแปะก๊วยมากเกินไปอาจมีผลกระทบทำให้ปวดศีรษะ มึนงง เวียนศีรษะ ทางเดินอาหารป่วนปั่น หรือบางทีอาจกำเนิดอาการแพ้ทางผิวหนัง ระบบหายใจแล้วก็เส้นเลือดแตกต่างจากปกติ ง่วงซึม ระบบการนอนก็ปั่นป่วนไปด้วย
คำค้นหาที่เกี่ยวข้อง : เเปะก๊วย
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น