วันอังคารที่ 29 สิงหาคม พ.ศ. 2560

การศึกษาเล่าเรียนทางพิษวิทยาของสมุนไพรกวาวเครือขาว

กวาวเครือแดง ประโยชน์สรรพคุณและงานวิจัยข้อดีข้อเสีย

ชื่อสมุนไพร  กวาวเครือแดง
ชื่อประจำถิ่น  กวาวเครือ (เหนือ)   จานเครือ  (อีสาน)   ตานจอมทอง  (ชุมพร)  โพตะกุ , โพมือ  (กะเหรี่ยง)
ชื่อวิทยาศาสตร์  Butea superba  Roxb
ชื่อวงศ์  Leguminosae  วงค์ย่อย   Papilonaceae

ถิ่นกำเนิดกวาวเครือเเดง

พบอยู่มากในรอบๆที่ราบเชิงเขา และก็ เชิงเขาป่าเต็งรัง  ภูเขาหินปูน  ในบริเวณที่มีต้นไม้ต้นไม่หนาแน่นนัก  พบบ่อยอยู่เป็นกรุ๊ปๆภายในป่า  อาจเป็นเพราะมูลเหตุ เป็น ติดฝักได้น้อย  ฝักมีขนาดใหญ่ ทำให้แพร่ระบาดตำแหน่งเดิมได้ยาก  ต้นกวาวเครือแดง ที่สร้างพุ่มไม้เอง จะมีลักษณะเตี้ย  ส่วนต้นที่เกี่ยวเนื่องกับต้นไม้ใหญ่จะแตกกิ่งไปถึงยอดไม้

ลักษณะทั่วไปของกวาวเครือแดง

กวาวเครือแดงอยู่ในจำพวกไม้เลื้อย เป็นเถาวัลย์ เนื้อแข็ง มักชอบพาดขึ้นกับต้นไม้ใหญ่

  • ใบกวาวเครือแดง ใบใหญ่เหมือนใบต้นทองคำกวาว  แต่ว่าใบใหญ่มากยิ่งกว่า
  • ดอกกวาวเครือแดง ดอกใหญ่คล้ายดอกแคแสด  แต่ว่าเป็นพวงระย้าเหมือนดอกทองกวาว
  • หัวกวาวเครือแดง มีหลายขนาดลักษณะทรงกระบอก เมื่อสะกิดที่เปลือก จะมียางสีแดง คล้ายเลือดไหลออกมา
  • รากกวาวเครือแดง มีรากกิ้งก้านขนาดใหญ่  แยกจากเหง้าเลื้อยไปรอบๆหลายเมตร 

การขยายพันธุ์กวาวเครือแดง ทำได้ 3วิธีดังนี้|ดังต่อไปนี้

  • การเพาะเมล็ด โดยการเพาะเมล็ดในกระบะขี้เถ้าแกลบราว 45 วัน นำต้นกล้าที่ได้ ปลูกลงถุงเพาะชำโดยใช้ดิน 2 ส่วน เถ้าแกลบ 1 ส่วน เปลือกมะพร้าว 1 ส่วน ค่า pH ราว 5.5 เมื่อต้นกล้าเจริญวัยได้ 60 วัน จึงนำลงแปลงปลูกกลางแจ้ง  โดยทำด้วยไม้ไผ่  หรือปลูกร่วมกับไม้ยืนต้นในกรรมวิธีเกษตร ยกตัวอย่างเช่น ไผ่  สัก  ปอสา  หรือไม้ผลอื่นๆ พื้นที่ปลูกควรจะอยู่สูงกว่าระดับน้ำทะเล  300-900 เมตร
  • การปักชำ นำเถาที่มีข้อมาปักชำในกระบะ หรือถุงที่ใส่ขี้เถ้าแกลบ  เมื่อเถาแตกรากและยอดแข็งแรงก็ดีแล้ว จึงนำลงแปลงปลูกถัดไป
  • การแบ่งหัวต่อต้น หัวของกวาวเครือ ไม่มีตาที่จะแตกฯลฯใหม่  จำเป็นที่จะต้องใช้ส่วนของลำต้นมาต่อเชื่อตามกระบวนการแพร่พันธุ์แบบต่อราก  เลี้ยงกิ่ง (nursed root grafting)  สามารถนำหัวกวาวเครือขนาดเล็ก อายุประมาณ 6 ข้างขึ้นไป  รวมทั้งต้นหรือเถาที่เคยทิ้งไปหลังการเก็บเกี่ยวมาแพร่พันธุ์ได้ ข้างหลังการต่อต้นประมาณ 45-60 วัน ก็สามารถนำลงปลูกได้ และก็มีข้อดีก็คือสามารถต่อต้นกับหัวข้ามสายพันธุ์ได้

องค์ประกอบทางเคมีของกวาวเครือแดง

            ส่วนหัวของกวาวเครือแดงประกอบด้วยสารไฟโตแอนโดรเจน รวมทั้งไอโซฟลาโอ้อวดลิกแนน 2 จำพวก เช่น Mebicarpin (carpin 3-hydroxy-9methoxypterocarpan); สารกรุ๊ปฟลาโวนอยด์ เป็นต้นว่า butenin; formononetin (7-hydroxy_-methoxy-isoflavone); (7,4_-dimethoxyisoflayone); 5,4_-dihydroxy-7-methoxy-isoflavone, 7-hydroxy-6,4_-dimethoxyisoflavone

แอนโทไซยานินมีค่าการดูดกลืนแสงในตอนคลื่น  510-540นาโนเมตร  สารละลายแอนโทไซยานินมีการเปลี่ยนแปลงสีตามค่าความเป็นด่าง (pH) ต่ำจะมีสีแดง pH ปานกลางจะมีสีน้ำเงินม่วงและเมื่อ pH สูงจะมีสีเหลืองซีด

สรรพคุณกวาวเครือแดง

  • หัวกวาวเครือแดง รสเย็นเบื่อเมา  บำรุงเนื้อหนังให้เต่งตึง  บำรุงสุขภาพ  เพิ่มจำนวนน้ำเชื้อ เป็นยาอายุวัฒนะ

แก้เมื่อยเนื้อเมื่อยตัวตามร่างกาย

  • รากกวาวเครือแดง แก้ลมอัมพาต  บำรุงโลหิต  ผสมกับรากสมุนไพรอื่นอีก 8 ชนิดเรียกว่า  พิกัดนวโลหะ  แก้โรคลมที่เป็นพิษ  แก้ริดสีดวง  ทำลายพยาธิ  ดับพิษ  ถอนพิษไข้  สมานไส้
  • เปลือกเถากวาวเครือแดง รสเย็นเบื่อเมา  แก้พิษงู

ประโยชน์กวาวเครือแดง

ฤทธิ์ต่อระบบสืบพันธุ์  การเรียนรู้ในอาสาสมัครเพศชาย 17 คน อายุระหว่าง 30 – 70 ปี ที่มีลักษณะอาการหย่อนยานสมรรถภาพทางเพศอย่างต่ำ 6 เดือน  ให้กินกวาวเครือแดงขนาด 250 มิลลิกรัม/แคปซูล วันละ 4 แคปซูล ตรงเวลา 3 เดือน ผลการศึกษาเรียนรู้และค้นคว้ารวมทั้งการวิจัยพบว่าระดับฮอร์โมน testosterone ไม่มีความต่างจากกรุ๊ปควบคุม  แม้กระนั้นผลจาการตอบแบบสำรวจเกี่ยวกับดรรชนีชี้วัดสมรรถภาพทางเพศ  จากอาสาสมัครพบว่าทำให้สมรรถนะทางเพศดียิ่งขึ้น  82.4 % ด้วยเหตุดังกล่าว กวาวเครือแดงก็เลยช่วยฟื้นฟูคนป่วยโรคเสื่อมสมรรถนะทางเพศได้ และไม่เจอการเกิดพิษ

รูปแบบและขนาดวิธีใช้กวาวเครือแดง

องค์การอาหารรวมทั้งยาของไทย  เจาะจงขนาดแล้วก็วิธีใช้ในการรับประทานกวาวเครือแดง  ไม่เกิน  2 มิลลิกรัม  ต่อน้ำหนักตัว  1  โล  ต่อวัน

การศึกษาทางเภสัชวิทยาของกวาวเครือแดง

ฤทธิ์ต่อระบบขยายพันธุ์  การทดสอบป้อนกวาวเครือแดงในรูปผงป่นละลายน้ำ  และก็สารสกัดเอทานอล  ให้แก่หนูแรทเพศผู้  ความเข้มข้น 0.25 , 0.5 และ 5 มิลลิกรัม/มล.  พบว่าหนูแรทที่ได้รับผงกวาวเครือแดงแบบละลายน้ำเข้มข้น 0.5 แล้วก็ 5 มก./มิลลิลิตร ตรงเวลา  21  วัน  ทำให้น้ำหนักตัวของหนูแรท  และปริมาณสเปิร์มมากขึ้นอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ  และหนูแรทที่ได้รับสารสกัดเอทานอลเข้มข้น 5 มิลลิกรัม/มิลลิลิตร 224 ชั่วโมง มีน้ำหนักสัมพัทธ์ของ seminal  vesicles ต่อมลูกหมาก  แล้วก็ความยาวขององคชาติ  นำมาซึ่งการทำให้หนูแรทมีการกระทำการสิบชนิดมากยิ่งขึ้น  เมื่อศึกษาต่อไปถึงระยะ 42 วัน พบว่าหนูแรทที่ได้รับผงกวาวเครือแดงแบบละลายน้ำ มีน้ำหนักสัมพัทธ์ของ seminal  vesicles ต่อมลูกหมาก และก็ความยาวขององคชาติ  รวมทั้งพฤติกรรมการสืบเผ่าพันธุ์เยอะขึ้น  แต่หนูกรุ๊ปที่ได้รับสารสกัดเอทานอล  กลับมีน้ำหนักสัมพัทธ์ของ seminal  vesicles  ลดน้อยลง  การศึกษาเล่าเรียนผลของกวาวเครือแดงในระยะยาว  แล้วก็ในปริมาณสารสกัดที่มากขึ้น  พบว่าทำให้ระดับฮอร์โมน testosterone ของหนูแรทลดลง  รวมทั้งปริมาณโปรตีนที่ทำหน้าที่เร่งปฏิกิริยาเคมีตับสูงมากขึ้น  ด้วยเหตุผลดังกล่าวการรับประทานกวาวเครือแดงมากเกินไป อาจจะส่งผลให้กำเนิดพิษต่อตับได้

การศึกษาทางพิษวิทยากวาวเครือแดง

การเรียนรู้พิษครึ่งหนึ่งเรื้อรังในหนูวิสตาร์เพศผู้โดยป้อนผงกวาวเครือแดงในขนาด 10 , 100 , 150 และก็ 200  มก./กก/วัน  ตรงเวลา 90 วัน  พบว่าหนูที่รับในขนาด   150  มก./กก/วัน  น้ำหนักของม้ามเพิ่มขึ้น ระดับโปรตีนที่ทำหน้าที่เร่งปฏิกิริยาเคมี alkalinephosphatase (ALP) รวมทั้ง aspartate aminotransferase (AST) เพิ่มขึ้น หนูที่ได้รับขนาด 200 มิลลิกรัม/กก/วัน พบว่ามีเม็ดเลือดขาวชนิด neutrophil ลดน้อยลง ส่วนเม็ดเลือดขาวชนิด eosinophil ระดับ serum creatinine  ต่ำลงระดับฮอร์โมน testosterone ลดน้อยลง ฉะนั้นจึงควรระมัดระวังการใช้ในขนาดสูงเนื่องมาจากอาจทำให้เกิดอาการอันไม่ประสงค์ต่างๆได้

ข้อแนะนำข้อควรระวัง

พืชจำพวกนี้มีฤทธิ์เป็นยา เหมือนกันกับกวาวเครือขาว แต่ว่าเป็นพิษมากยิ่งกว่า  ถ้าเกิดกินมากมายอาจเป็นอันตรายได้อาจจะส่งผลให้เมาคลื่นไส้คลื่นไส้.และมีพิษเมามากกว่ากวาวเครือขาว

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น