วันอาทิตย์ที่ 27 สิงหาคม พ.ศ. 2560

ถิ่นกำเนิดสมุนไพรแปะก๊วย

แปะก๊วย ประโยชน์สรรพคุณ และงานวิจัยข้อดีข้อเสีย

ชื่อสมุนไพร แปะก๊วย
ชื่ออื่นๆ หยาเจียว (จีน) อิโจว(ญี่ปุ่น)
ชื่อทางวิทยาศาสตร์ Gingko biloba L.
ชื่อวงศ์ Ginkgoaceae

ถิ่นกำเนิดแปะก๊วย

แปะก๊วยมีถิ่นเกิดอยู่แถบตะวันออกเฉียงใต้ของจีน เช้าใจกันว่าเป็นพืชที่โบราณที่สุดในโลกชนิดหนึ่ง ที่เหลืออยู่ในประเทศจีน ซึ่งเป็นพืชที่หายากและใกล้จะสูญพันธุ์ โดยพบอยู่ในธรรมชาติไม่กี่ต้น ถัดมามีการนำต้นแปะก๊วยไปปลูกไว้ในญี่ปุ่นและก็ประเทศเกาหลี แล้วก็ในราวศตวรรษที่ 18 ได้มีการปลูกลงในทวีปยุโรป เดี๋ยวนี้ต้นแปะก๊วยเป็นไม้ให้ความร่มเงาตามแถวถนนหนทางและสวนสาธารณะทั่วไปทั่งในยุโรป ประเทศออสเตรเลีย และก็อเมริกาลักษณะทั่วไป ต้นแปะก๊วยเป็นไม้ยื่นต้นขนาดใหญ่อาจสูงได้ถึง 35 – 40 เมตร ต้นโตเต็มที่มีเส้นรอบวงราว 3 – 4 เมตร และบางทีอาจโตได้ถึง 7 เมตร ใบเป็นใบเดียว ลักษณะซึ่งคล้ายพัด กว้าง 5 – 10 เซนติเมตร ก้านใบยาว ใบแก่มีรอยหยักเว้ากึ่งกลาง ใบออกเวียนสลับกัน หรือออกเป็นกลุ่มตามปลายกิ่ง เส้นใบขนานกันมากมาย ใบอ่อนเป็นสีเขียว สามารถเปลี่ยนเป็นสีแก่ได้เมื่อโตสุดกำลัง แล้วก็เป็นสีเหลืองในช่วงฤดูใบไม้หล่น ต้นแปะก๊วยจะมีต้นเพศผู้ แล้วก็ต้นตัวเมีย ซึ่งลักษณะไม่เหมือนกัน

การขยายพันธุ์แปะก๊วย

ปัจจุบันนี้เพาะพันธุ์โดยขั้นตอนการ เพาะเมล็ด , ปักชำ , ทาบกิ่ง โดยกรรมวิธีการเพาะเม็ด มีดังนี้

  • ล้างเม็ดแปะก๊วยในน้ำอุ่นให้สะอาดเพื่อไม่ให้กำเนิดเชื้อรา
  • หมกเมล็ดที่ล้างแล้ว ในขุยมะพร้าวหรือเถ้าถ่านแกลบในถุงซิบล็อก ปิดถุงให้สนิท แล้วก็ค่อยนำไปเก็บไว้ในตู้เย็น (ช่องเก็บผัก) ราวๆ 12 อาทิตย์ เดี๋ยวนี้ให้รอหมั่นตรวจตราว่ามีต้นอ่อนเริ่มแตกออกมาหรือยัง หากมีเม็ดไหน 

ผลิออกก่อน 12 อาทิตย์ ก็แยกออกมาเพาะก่อน

  • ให้นำเม็ดที่แตกออกก่อนมาเพาะในถุงชำ ใช้ดินถุงที่ขายปกติ ฝังเม็ดแปะก๊วยลงไปราว 2 นิ้ว วางถุงเพาะชำให้โดนแดดอ่อนๆให้ดินที่

เพาะเมล็ดชื้ออยู่ตลอดเวลาแม้กระนั้นอย่าให้แฉะ ต่อจากนั้นก็คอยให้ต้นเขาโตขึ้นมาก่อนที่จะนำไปปลูกลงดิน

  • สำหรับเมล็ดที่ไม่แตกหน่อก่อนที่จะครบกำหนด เจอครบ 12 อาทิตย์ในตู้แช่เย็นก็ออกมาเพาะต่อตามข้อ 3

องค์ประกอบทางเคมีของแปะก๊วย

ใบแปะก๊วย มีสารประกอบทางเคมีมาก แม้กระนั้นที่สำคัญมีอยู่ 2 กลุ่มเป็นเทอร์ปีนอย์ (terpenoids) มีสารประกอบที่สำคัญชื่อ กิงโกไลด์ (ginkgolide) รวมทั้งมีบิโลบาไลด์ (bilobalide) และก็อีกกรุ๊ปเป็น ฟลา-โม้นอยด์ (flavonoids) นอกจากนี้ยังเจอในพวกสารสตีรอยด์ (steroide) อนุพันธ์กรดอินทรีย์แล้วก็น้ำตาล

สรรพคุณแปะก๊วย

ฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระ มีคุณลักษณะช่วยคุ้มครองปกป้องโรคมะเร็ง แล้วก็ยังสามารถชะลอความแก่ได้ ฤทธิ์การยับยั้งการยึดตัวของ เกล็ดเลือดทำให้การไหลเวียนของเลือดในหลอดเลือดแดง หลอดเลือดดำ รวมทั้งเส้นเลือดฝอยดียิ่งขึ้น ฤทธิ์เพิ่มการไหลเวียนของโลหิตไปยังสมอง ทำให้ความสามารถสำหรับเพื่อการปฏิบัติงานและการตัดสินใจ ฤทธิ์กระตุ้นระบบไหลเวียนของเลือด ทำให้เลือดไหลฉีดไปตามผิวหนังได้ดี ฤทธิ์เพิ่มความสามารถสำหรับในการศึกษา ฤทธิ์ยั้งการเกิดไลปิดเพอรอกไซด์ ฤทธิ์ช่วยให้ความจำดียิ่งขึ้น ฤทธิ์ทำให้เส้นโลหิตหดตัว ฤทธิ์เพิ่มการมองมองเห็น และฤทธิ์ยับยั้งการเสื่อมของสมอง เสริมสร้างสมรรถภาพทางเพศ จะช่วยให้ระบบไหลเวียนเลือดในร่างกายดีขึ้น แก้ไขเลือดไปไหลเวียนในรอบๆอวัยวะสืบพันธุ์ไม่สะดวก บรรเทาของกินของโรคพาร์กินสัน สารสกัดจากแปะก๊วยจำเข่าไปช่วยเพิ่มระบบไหลเวียนเลือดในสมอง ทำให้ร่างกายสามารถผลิตฮอร์โมนโดปามีนได้มากขึ้น รวมทั้งนำส่งไปยังอวัยวะต่างๆภายในร่างกายได้อย่างพอเพียง

แบบรวมทั้งขนาดวิธีใช้

  • สารสกัดแปะก๊วยแห้ง –ใช้ 120 – 240 มก. แบ่งให้วันละ 2 – 3 ครั้ง สำหรับอาการ dementin โดยให้ยาติดต่อกัน 8 สัปดาห์ แต่ว่าไม่เกิน 3 เดือน
  • สารสกัดแปะก๊วยแห้ง – ใช้ 120 – 160 มิลลิกรัม แบ่งให้วันละ 2 – 3 ครั้ง สำหรับรักษาอาการเส้นเลือดแดงส่วนปลายประสาทตัน และก็ ความงุนงง มีเสียงในหู โดยให้ยาต่อเนื่องกัน 6 – 8 สัปดาห์
  • ในการใช้เป็นผลิตภัณฑ์อาหารเสริม ให้ใช้รับประทานไม่เกินวันละ 120 มิลลิกรัม

การศึกษาทางเภสัชวิทยาของแปะก๊วย

มีการทดสอบแปะก๊วยกับผู้ป่วยที่มีอาการขาดตกบกพร่องเรื้อรังของสมองส่วนซีรีบรัม รวมทั้งเส้นโลหิตพบว่า ในแปะก๊วยช่วยทำให้มีการความเจริญทางความจำความคิด นอนหลับได้ง่ายดายมากยิ่งขึ้น ส่วนคนเจ็บโรคอัลไซเมอร์นั้น ในประเทศสหรัฐอเมริกา ใบแปะก๊วยก็ถูกให้อย่างมากมายเพื่อเป็นยารักษาอาการดังที่กล่าวมาข้างต้น โดยมีการทดลองในปี 1994 ทดสอบให้ใบแปะก๊วยกับกลุ่มคนป่วยอัลไซเมอร์ พบว่าคนเจ็บมีความจำ แล้วก็สมาธิได้ดิบได้ดีขึ้น

ในปี 1996 ได้มีการทดลองพบว่าใบแปะก๊วยมีคุณภาพช่วยคุ้มครองป้องกันคนที่มีลักษณะ AMS (Asthma & AcutE Mountain Sickness) หรือภาวการณ์ไม่ดีเหมือนปรกติของการหายใจขณะขึ้นสู่ที่สูงได้ ส่วนคนภายในกลุ่มของผู้คนที่ประสบพบเจอกับปัญหาหูอื้ออยู่เป็นประจำ การทานอาหารใบแปะก๊วยยังช่วยลดภาวะหูอื้อลงได้อีกด้วย

การศึกษาทางพิษวิทยาของแปะก๊วย

การทดลองความเป็นพิษกระทันหันของแปะก๊วยในหนู พบว่าให้ค่า LD50 พอๆกับ 7725 มิลลิกรัม/กิโลน้ำหนักตัว ไม่พบผลที่ทำให้เกิดการก่อกลายประเภท (mutagen) หรือนำมาซึ่งโรคมะเร็ง (carcinogen) และไม่เป็นพิษต่อ ระบบอวัยวะสืบพันธุ์

ข้อแนะนำ/ข้อควรระวัง

  • สาร Gingkolide จากใบแปะก๊วยมีฤทธิ์ยีนส์การเกาะดึงของเกล็ดเลือด ถ้ากินยาแอสไพรินอยู่ประจำ หรือ กินยา Gingkolide อยู่อาจมีผลข้างเคียงของการที่เลือดไหลไม่หยุด
  • ถ้าเกิดรับประทานสารสกัดจากในแปะก๊วยในจำนวนมาก อาจทำให้กำเนิดอาหารอ้วก อ้วก ท้องเสีย และก็มีอาหารไม่สบายใจ
  • สำหรับหญิงมีครรภ์รวมทั้งให้นมลูก ยังไม่มีงานค้นคว้าพิมพ์ถึงความปลอดภัย หรือผลที่จะกำเนิดกับเด็กแบเบาะ

ทั้งยังแม้รับประทานสารสกัดแปะก๊วยมากเกินไปอาจมีผลข้างเคียงทำให้ปวดศีรษะ งุนงง เวียนศีรษะ ทางเดินอาหารปั่นป่วน หรือบางทีอาจเกิดอาการแพ้ทางผิวหนัง ระบบหายใจและเส้นเลือดแตกต่างจากปกติ ง่วงซึม ระบบการนอนหลับก็ป่วนปั่นไปด้วย

คำค้นหาที่เกี่ยวข้อง : เเปะก๊วย

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น