วันพุธที่ 30 สิงหาคม พ.ศ. 2560

ถิ่นกำเนิดสมุนไพรแปะก๊วย

แปะก๊วย ประโยชน์สรรพคุณ และงานวิจัยข้อดีข้อเสีย

ชื่อสมุนไพร แปะก๊วย
ชื่ออื่นๆ หยาเจียว (จีน) อิโจว(ญี่ปุ่น)
ชื่อทางวิทยาศาสตร์ Gingko biloba L.
ชื่อวงศ์ Ginkgoaceae

ถิ่นกำเนิดแปะก๊วย

แปะก๊วยมีถิ่นเกิดอยู่แถบตะวันออกเฉียงใต้ของจีน เช้าใจกันว่าเป็นพืชที่เก่าแก่ที่สุดในโลกชนิดหนึ่ง ที่คงเหลือในประเทศจีน ซึ่งเป็นพืชที่หายากและใกล้จะสิ้นซาก โดยเจออยู่ในธรรมชาติไม่กี่ต้น ต่อมามีการนำต้นแปะก๊วยไปปลูกเอาไว้ภายในประเทศญี่ปุ่นรวมทั้งเกาหลี แล้วก็ในราวศตวรรษที่ 18 ได้มีการปลูกลงในทวีปยุโรป ปัจจุบันต้นแปะก๊วยเป็นไม้ให้ความร่มเงาตามแถวถนนและสวนสาธารณะทั่วไปทั่งในยุโรป ประเทศออสเตรเลีย และก็อเมริกาลักษณะทั่วไป ต้นแปะก๊วยเป็นไม้ยื่นต้นขนาดใหญ่บางทีอาจสูงได้ถึง 35 – 40 เมตร ต้นโตเต็มที่มีเส้นรอบวงประมาณ 3 – 4 เมตร แล้วก็อาจโตได้ถึง 7 เมตร ใบเป็นใบเดียว ลักษณะคล้ายพัด กว้าง 5 – 10 เซนติเมตร ก้านใบยาว ใบแก่มีรอยหยักเว้ากึ่งกลาง ใบออกเวียนสลับกัน หรือออกเป็นกลุ่มตามปลายกิ่ง เส้นใบขนานกันเยอะมากๆ ใบอ่อนเป็นสีเขียว สามารถกลายเป็นสีแก่ได้เมื่อโตสุดกำลัง และเป็นสีเหลืองในฤดูใบไม้หล่น ต้นแปะก๊วยจะมีต้นเพศผู้ รวมทั้งต้นตัวเมีย ซึ่งลักษณะแตกต่างกัน

การขยายพันธุ์แปะก๊วย

ตอนนี้แพร่พันธุ์โดยขั้นตอนการ เพาะเมล็ด , ปักชำ , ทาบกิ่ง โดยวิธีการเพาะเมล็ด มีดังนี้

  • ล้างเมล็ดแปะก๊วยในน้ำอุ่นให้สะอาดเพื่อไม่ให้กำเนิดเชื้อรา
  • หมกเม็ดที่ล้างแล้ว ในขุยมะพร้าวหรือเถ้าถ่านแกลบในถุงซิบล็อก ปิดถุงให้สนิท แล้วนำไปเก็บไว้ในตู้แช่เย็น (ช่องเก็บผัก) ราวๆ 12 อาทิตย์ ช่วงนี้ให้รอหมั่นตรวจตราว่ามีต้นอ่อนเริ่มแตกออกมาหรือยัง ถ้าหากมีเม็ดไหน 

แตกหน่อก่อน 12 อาทิตย์ ก็แยกออกมาเพาะก่อน

  • ให้นำเม็ดที่แตกออกก่อนมาเพาะในถุงชำ ใช้ดินถุงที่ขายปกติ ฝังเม็ดแปะก๊วยลงไปโดยประมาณ 2 นิ้ว วางถุงเพาะชำให้โดนแดดอ่อนๆให้ดินที่

เพาะเมล็ดชื้ออยู่ตลอดระยะเวลาแม้กระนั้นอย่าให้เฉอะแฉะ หลังจากนั้นก็คอยให้ต้นเขาโตขึ้นมาก่อนที่จะนำไปปลูกลงดิน

  • สำหรับเมล็ดที่ไม่แตกออกก่อน พบครบ 12 อาทิตย์ในตู้แช่เย็นก็ออกมาเพาะต่อตามข้อ 3

องค์ประกอบทางเคมีของแปะก๊วย

ใบแปะก๊วย มีสารประกอบทางเคมีมาก แต่ว่าที่สำคัญมีอยู่ 2 กลุ่มหมายถึงเทอร์ปีนอย์ (terpenoids) มีสารประกอบที่สำคัญชื่อ กิงโกไลด์ (ginkgolide) แล้วก็มีบิโลบาไลด์ (bilobalide) และอีกกรุ๊ปคือ ฟลา-โอ้อวดนอยด์ (flavonoids) นอกเหนือจากนั้นยังเจอในพวกสารสตีรอยด์ (steroide) อนุพันธ์กรดอินทรีย์และน้ำตาล

สรรพคุณแปะก๊วย

ฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระ มีคุณลักษณะช่วยป้องกันโรคมะเร็ง รวมทั้งยังสามารถชะลอความแก่ได้ ฤทธิ์การขัดขวางการเกาะตัวของ เกล็ดเลือดทำให้การไหลเวียนของเลือดในหลอดเลือดแดง หลอดโลหิตดำ แล้วก็เส้นเลือดฝอยดีขึ้น ฤทธิ์เพิ่มการไหลเวียนของเลือดไปยังสมอง ทำให้ความสามารถในการดำเนินการแล้วก็การตัดสินใจดียิ่งขึ้น ฤทธิ์กระตุ้นระบบไหลเวียนของเลือด ทำให้เลือดไหลฉีดไปตามผิวหนังได้ดิบได้ดี ฤทธิ์เพิ่มความรู้ความเข้าใจสำหรับเพื่อการทำความเข้าใจ ฤทธิ์ยับยั้งการเกิดไลปิดเพอรอกไซด์ ฤทธิ์ช่วยให้ความจำ ฤทธิ์ทำให้หลอดเลือดหดตัว ฤทธิ์เพิ่มการมองมองเห็น รวมทั้งฤทธิ์ยั้งการเสื่อมของสมอง สร้างเสริมความสามารถทางเพศ จะช่วยให้ระบบไหลเวียนเลือดภายในร่างกาย จัดการกับปัญหาเลือดไปไหลเวียนในรอบๆอวัยวะเพศไม่สบาย บรรเทาของกินของโรคพาร์กินสัน สารสกัดจากแปะก๊วยจำเข่าไปช่วยเพิ่มระบบไหลเวียนเลือดในสมอง ทำให้ร่างกายสามารถผลิตฮอร์โมนโดปามีนได้มากขึ้น รวมทั้งนำส่งไปยังอวัยวะต่างๆภายในร่างกายได้อย่างเพียงพอ

ต้นแบบและขนาดวิธีใช้

  • สารสกัดแปะก๊วยแห้ง –ใช้ 120 – 240 มิลลิกรัม แบ่งให้วันละ 2 – 3 ครั้ง สำหรับอาการ dementin โดยให้ยาติดต่อกัน 8 อาทิตย์ แม้กระนั้นไม่เกิน 3 เดือน
  • สารสกัดแปะก๊วยแห้ง – ใช้ 120 – 160 มก. แบ่งให้วันละ 2 – 3 ครั้ง สำหรับรักษาอาการเส้นโลหิตแดงส่วนปลายประสาทอุดตัน แล้วก็ ความมึน มีเสียงในหู โดยให้ยาต่อเนื่องกัน 6 – 8 สัปดาห์
  • สำหรับการใช้เป็นผลิตภัณฑ์อาหารเสริม ให้ใช้รับประทานไม่เกินวันละ 120 มก.

การศึกษาทางเภสัชวิทยาของแปะก๊วย

มีการทดลองแปะก๊วยกับผู้ป่วยที่มีลักษณะอาการบกพร่องเรื้อรังของสมองส่วนซีรีบรัม และก็เส้นเลือดพบว่า ในแปะก๊วยช่วยทำให้มีการพัฒนาการทางความจำความนึกคิด นอนได้ง่ายขึ้น ส่วนคนไข้โรคอัลไซเมอร์นั้น ในสหรัฐอเมริกา ใบแปะก๊วยก็ถูกให้อย่างมากมายเพื่อเป็นยารักษาอาการดังที่กล่าวมาแล้ว โดยมีการทดสอบในปี 1994 ทดลองให้ใบแปะก๊วยกับกรุ๊ปคนไข้อัลไซเมอร์ พบว่าผู้ป่วยมีความจำ และสมาธิได้ดิบได้ดีขึ้น

ในปี 1996 ได้มีการทดลองพบว่าใบแปะก๊วยมีประสิทธิภาพช่วยคุ้มครองปกป้องผู้ที่มีลักษณะอาการ AMS (Asthma & AcutE Mountain Sickness) หรือภาวการณ์ผิดปรกติของการหายใจขณะขึ้นสู่ที่สูงได้ ส่วนคนในกลุ่มชนที่เผชิญปัญหาหูอื้ออยู่เป็นประจำ การทานอาหารใบแปะก๊วยยังช่วยลดภาวการณ์หูอื้อลงได้อีกด้วย

การศึกษาทางพิษวิทยาของแปะก๊วย

การทดสอบความเป็นพิษทันควันของแปะก๊วยในหนู พบว่าให้ค่า LD50 เท่ากับ 7725 มก./โลน้ำหนักตัว ไม่เจอผลที่ทำให้เกิดการก่อกลายชนิด (mutagen) หรือนำไปสู่มะเร็ง (carcinogen) และไม่เป็นพิษต่อ ระบบอวัยวะสืบพันธุ์

ข้อแนะนำ/ข้อควรระวัง

  • สาร Gingkolide จากใบแปะก๊วยมีฤทธิ์ยีนส์การยึดดึงของเกล็ดเลือด ถ้ารับประทานยาแอสไพรินอยู่ประจำ หรือ กินยา Gingkolide อยู่อาจมีผลกระทบของการที่เลือดไหลไม่หยุด
  • หากรับประทานสารสกัดจากในแปะก๊วยในปริมาณมาก อาจจะส่งผลให้กำเนิดของกินอ้วก อ้วก ท้องร่วง รวมทั้งมีของกินร้อนใจ
  • สำหรับหญิงมีครรภ์และให้นมบุตร ยังไม่มีงานค้นคว้าวิจัยพิมพ์ถึงความปลอดภัย หรือผลที่จะกำเนิดกับเด็กแรกเกิด

อีกทั้งถ้ากินสารสกัดแปะก๊วยมากจนเกินความจำเป็นอาจมีผลข้างเคียงทำให้ปวดศีรษะ มึนหัว เวียนหัว ทางเดินอาหารปั่นป่วน หรืออาจกำเนิดอาการแพ้ทางผิวหนัง ระบบหายใจและก็เส้นโลหิตเปลี่ยนไปจากปกติ ง่วงซึม ระบบการนอนหลับก็ปั่นป่วนไปด้วย

คำค้นหาที่เกี่ยวข้อง : เเปะก๊วย

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น